ผู้ค้นพบทฤษฎีการไหลเวียนของโลหิตเป็นคนแรก
ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 1,400 ปีมาแล้ว คนเราเชื่อกันว่าโลหิตไหลกลับไปกลับมาทั่วตลอดทั้งร่างกายเหมือนกับคลื่นในทะเล ชาวกรีกโบราณเชื่อกันว่า เส้นเลือดแดงที่ไหลมาจากหัวใจ มีผนังหนาและแข็งแรงเป็นตัวส่งโลหิตไปทั่งร่างกาย มิใช่จากการเต้นของหัวใจ ส่วนเส้นเลือดดำถูกสร้างขึ้นในตับ แล้วถูกส่งเข้าไปในหัวใจผสมเข้ากับเส้นเลือดแดงที่นี่ แล้วผสมกับอากาศที่มาจากปอด ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนี้ถูกหักล้างด้วยการค้นพบของวิลเลียม ฮาร์วีย์ ผู้ค้นพบทฤษฎีการไหลเวียนของโลหิตเป็นคนแรก
วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์ เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ปี ค.ศ. 1578 ที่โฟล์คสโตนเคน ประเทศอังกฤษ เป็นลูกคนโตในทั้งหมด 9 คน ของโทมัส ฮาร์วีย์ นายกเทศมนตรีเมือง ฮาร์วีย์ได้รับการศึกษาครั้งแรกที่โรงเรียนคิงส์สคูล ในแคนเทอร์เบอรี่ และได้รับทุนเรียนฟรีที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในสาขาแพทย์เนื่องจากคะแนนที่ดีเด่นของเขา แต่การศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มีการบรรยายมากเกินไป และการผ่าตัดศพให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าจริง ๆ มีน้อย นักศึกษาจำนวนมากจากเคมบริดจ์ได้เป็นนายแพทย์โดยที่ไม่เคยเห็นสรีระภายในของคนไข้เลย วิลเลียม ฮาร์วีย์ จึงเดินทางไป พาดัว ประเทศอิตาลี ในปี 1600 ซึ่งมีโรงพยาบาลที่นักศึกษาสามารถตรวจดูและวิเคราะห์วิจัยถึงโรคภัยของคนไข้ได้ อาจารย์ที่ชื่อเสียงมากของโรงเรียนการแพทย์สมัยนั้น คือ ฟาบริเซียส เขาเป็นคนที่เริ่มศึกษาเรื่องโลหิตอย่างจริงจังที่มหาวิทยาลัยพาดัว และค้นพบลิ้นปิดเปิดในเส้นเลือดดำ เขาสนใจในเรื่องทารกในครรภ์ด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ฮาร์วีย์ได้ค้นคว้าต่อมา และก้าวหน้าไปมากในช่วงหลังของชีวิตของเขา ต่อมาในปี 1602 เมื่อเขามีอายุได้ 24 ปี เขาก็จบการศึกษาและได้งานเป็นนายแพทย์ของโรงพยาบาลเซนท์บาร์โธโลมิวในกรุงลอนดอน และได้รับแต่งตั้งเป็นแพทย์ประจำพระองค์พระเจ้าเจมส์ที่หนึ่ง แต่เขาก็ยังมีความสงสัยว่าเลือดไหลหมุนเวียนได้อย่างไร
วิลเลียมได้เริ่มการทดลองโดยใช้งูเป็นๆ ผูกเส้นเลือดดำจากหัวใจ และเฝ้าสังเกตดูว่าเส้นเลือดดำช่วงระหว่างเชือกผูกกับหัวใจเล็กลงและอ่อนลงอย่างไร แต่เมื่อแก้เชือกออกเส้นโลหิตก็กลับคืนสู่สภาพปกติ เขามีเข้าใจถึงการทำงานของหัวใจ คือเริ่มจากหัวใจห้องข้างบน บีบโลหิตออกไปยังหัวใจห้องใน เมื่อหัวใจเต้น และส่งโลหิตไปยังสิ่งที่ฮาร์วีย์เรียกว่า เส้นเลือดดำที่เหมือนเส้นเลือดแดง (วีนาคาวา) และส่งไปยังเส้นโลหิตแดงใหญ่ที่ผ่านทางซีกซ้ายของร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่ส่งโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ในที่สุดเขาพบว่า โลหิตถูกส่งไปยังปอดเพื่อรับการฟอกด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ จากนั้นเส้นโลหิตแดงจะนำโลหิตที่ได้รับการฟอกแล้ว ไปเลี้ยงตลอดทั้งร่างกาย โลหิตไหลกลับโดยทางเส้นเลือดดำ ซึ่งมีผนังบางและลิ้นปิดเปิด กลังไปยังหัวใจ หรืออีกนัยหนึ่ง การไหลเวียนของโลหิตเป็นแบบวงกลม มิใช่ไหลถอยหลังและไปข้างหน้ากลับไปกลับมาเหมือนกับคลื่นในทะเลซึ่งเป็นความเชื่อก่อนหน้านี้ แต่ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับการค้นพบของเขา และเมื่อพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ขึ้นครองราชย์ ก็ได้ตั้งให้เขาเป็นแพทย์ประจำพระองค์ และเขาก็ได้เขียนตำราเกี่ยวกับทฤษฎีการไหลเวียนของโลหิตนี้ซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในระหว่างนั้น ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นระหว่างพระเจ้าชาลส์และรัฐสภา ฮาร์วีย์มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์มาก จึงได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์แม้กระทั่งออกไปสนามรบกับพระองค์ด้วย แต่เมื่อสงครามสงบพระเจ้าชาลส์ถูกประหาร ฮาร์วีย์อายุประมาณ 70 ปี แต่สมองเขายังปราดเปรื่องเช่นเดิม เขาจึงกลับไปทำงานที่ลอนดอน ต่อมาสุขภาพของเขาทรุดลงและในเดือนมิถุนายน ปีค.ศ. 1657 เมื่ออายุเกือบครบ 79 ปี เขาก็ถึงแก่กรรม ซึ่งนับว่าการค้นพบการหมุนเวียนของโลหิตของฮาร์วีย์นั้น เป็นจุดเริ่มต้นของวงการแพทย์สมัยใหม่เลย
No comments:
Post a Comment